วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

เทพธิามิวส์ The Muses

Muses

          เทพปกรณัมกรีกเล่าว่า มหาเทพซุส (Zeus) ได้สมสู่กับนางเนโมสิเน (Mnemosyne) เทพีแห่ง “ความทรงจำ” หรือ “ความรำลึก” แล้วบังเกิดเทพธิดาที่ดลใจศิลปวิทยาทั้งหลายว่ากันว่า เบื้องต้นเทพธิดาเหล่านี้มีเพียงสามองค์ คือ 1. “วาจากวี”  2. ดนตรี  3. การร่ายรำ ในทรรศนะของพวกกรีก “มิวส์”  จึงเป็นคณะเทพธิดาที่ทั้งดลบันดาลและอำนวยพรให้เกิดทั้ง “ศาสตร์” และ“ศิลป์” หรือ “ความรู้” ต่างๆ นั้นเอง
ต่อมาเทพธิดาทั้งสามได้ขยายจำนวนเป็นเก้าองค์ (3x3= 9, ตามการเล่นเลขศักดิ์สิทธิ์ที่คนโบราณทุกชาติทุกภาษานิยมกัน) คณะเทพธิดาทั้งเก้าองค์นี้เรียกรวมกันว่า “มิวส์” (Muse) 
เทพธิดามิวส์เหล่านี้มีชีวประวัติความเป็นมาไม่ปรากฏแน่ชัดแต่โดยทั่วไปถือกันว่ามี 9 องค์ ได้แก่


       1.เคลโอ เทพธิดาแห่งแรงบันดาลใจทางประวัติศาสตร์
       2.ยูเทอร์เพ เทพธิดาแห่งการดนตรี
       3.เธไลอา เทพธิดาแห่งละครสุขนาฏกรรม
       4.เมลพอมินี เทพธิดาแห่งละครโศกนาฏกรรม
       5.เทอร์พซิคาเร เทพธิดาแห่งการระบำ
       6. เอราโท เทพธิดาแห่งแรงบันดาลใจทางกวีนิพนธ์
       7.โพลิฮิมนิอา หรือโพลิมนิอา เทพธิดาแห่งดนตรีศาสนาและบทสวด
       8.ยูเรนิอา เทพธิดาแห่งดาราศาสตร์
       9.คาไลอะเพ เทพธิดาแห่งแรงบันดาลใจทางโคลงมหากาพย์




    

 เทพธิดามิวส์ทั้งเก้านี้ได้ชื่อว่ามีเสียงไพเราะอย่างหาผู้ใดเปรียบมิได้ ขนาดไซเรนที่ว่ามีเสียงไพเราะขนาดล่อลวงชาวเรือให้ไปตายได้มานักต่อนัก และได้รับการยุแหย่จากเทวีฮีราจนหาญท้าประชันกับเทพธิดามิวส์ ก็ยังพ่ายแพ้ และโดนถอนขนปีกไปทำมงกุฎ ลองนึกดูเทพธิดามิวส์เกิดนึกอยากไปร้องเพลงล่อหนุ่มๆมาจับกินบ้างจะน่ากลัวขนาดไหน
     แต่จะว่าไป ไซเรนน่าจะยังถือว่าโชคดี ที่โดนแค่ถอนขนทำมงกุฎ ธามิริส (Thamyris) ซึ่งเป็นนักขับลำนำที่เก่งกาจเป็นที่เลื่องลือ และมีชื่อเสียงโด่งดังมาก จนขนาดที่หลงลำพองคุยโวว่าตนเก่งกว่าเหล่าเทพธิดามิวส์และกำเริบเสิบสานขนาดท้าทายความสามารถของเทพธิดา นั่นคงจะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของหมอนี่ (จำไว้..อย่าหลงตัวเอง โดยเฉพาะอย่าบังอาจคิดว่าตัวเหนือกว่าพวกเทพๆ) แน่นอนว่าเทพธิดามิวส์เป็นฝ่ายมีชัยในการประลอง และธามิริสก็ถูกลงโทษให้ตาบอดและสูญเสียความทรงจำทั้งหมด แน่นอนว่ารวมถึงความสามารถในการขับลำนำด้วย (สมน้ำหน้า)
    เหล่าเทพธิดามิวส์เป็นผู้สอนปริศนาอันโด่งดังให้แก่สฟิงซ์ ปริศนานั้นคือ "อะไรเอ่ยเช้าเดินสี่ขา กลางวันเดินสองขา ตกเย็นเดินสามขา" สฟิงซ์ถูกส่งไปอยู่ที่กำแพงเมืองธีบส์ คอยถามปริศนานี้แก่ผู้เข้าออก ผู้ใดไม่สามารถไขปริศนาได้ก็จะถูกสฟิงซ์จับกิน และก็ไม่มีใครไขปริศนานี้ได้เลย จนกระทั่งเอดิปัส (Oedipus) สามารถตอบได้ คำตอบก็คือ "มนุษย์ ในตอนเด็กคลานสี่ขา โตขึ้นมาก็เดินสองขา พอแก่ลงก็ใช้ไม้เท้าช่วย คือเท่ากับเดินสามขา" สฟิงซ์โกรธที่มีผู้ตอบได้ก็โดดกำแพงตาย และเอดิปัสก็ได้เป็นกษัตริย์ของธีบส์ต่อไปกลายเป็นเรื่องสฟิงซ์ไปซะแล้ว กลับมาที่เทพธิดามิวส์ต่อ ตามปกติเทพธิดามิวส์มักจะขับร้องและจับระบำในเวลาที่เทพอพอลโลเล่นพิณ และเป็นผู้ร้องเพลงขับกล่อมทวยเทพในวาระต่างๆ
   เพาเซนิอัส (เจ้าของตำนานนาร์ซิสซัสฉบับมีน้องสาวฝาแฝดนั่นแหละ) อ้างว่าเทพธิดามิวส์มีเพียง ๓ องค์ ได้แก่
- เมเลเท (Melete-- ความเอาใจใส่และการฝึกฝน)
- เนเม (Mneme -- ความทรงจำ)
- เอะเอเด (Aoede -- บทเพลง)

   ชื่อของเทพธิดามิวส์นี้เป็นที่มาของศัพท์หลายคำ รวมถึงคำว่า museum ที่แปลว่าพิพิธภัณฑ์ด้วย เพราะพิพิธภัณฑ์คือที่เก็บรวบรวมสิ่งแสดงศิลปวิทยาต่างๆนั่นเอง






ขอบคุณข้อมูลจาก