วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ทัวร์สเปน


รายงาน

เรื่อง ทัวร์สเปน


เสนอ

อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร


จัดทำโดย 

นางสาวมณฑิตา ทานุชิต 5301-0502-0033
นายอภิรักษ์ กระจาย 5301-0502-0055
นางสาว ชุติมา เอี่ยมสุข 5301-0513-0020




รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว(HT325)
คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ภาคเรียนที่ 2 ปีกาศึกษา 2555



คำนำ

                 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยวจัดทำขึ้นเพื่่อให้ผู้อ่านได้รู้และเข้าใจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆให้ประเทศสเปน ว่ามีความสำคัญอย่างไร เป็นศิลปะแบบไหน และผู้ทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่ได้อ่านไม่มากก็น้อย
                 การทำรายงานครั้งนี้ต้องขอขอบคุณ อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร ที่ได้ให้คำปรึกษาในการทำรายงาน และขอบคุณเพื่อนและแม่ที่ให้ความเชื่อเหลือในการหาข้อมูลและให้กำลังใจ


                                                                                                                                          สมาชิกกลุ่ม
                                                                                                                                                 ผู้จัดทำ   

    
บทนำ

                การทำรายงานครั้งนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากการได้เรียนวิชาศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว แล้วได้รู้จักศิลปะต่างๆของยุโรป และได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวต่างๆในยุโรปเช่น ปราสาทนอยชวานชไตน์ที่เยอรมนี หอไอเฟลฝรั่งเศส หอนาฬิกา Zytgloggeturm สวิสเซอร์แลนด์ สู้กระทิงที่ประเทศสเปน หอคอยเบเล็ง ที่โปรตุเกส เป็นต้น เนื่องจากผู้จัดทำมีความสนใจในประเทศสเปนเป็นพิเศษ เพราะสเปนประเทศมีความเป็นเอกลักลักษณ์หลายอย่าง เช่น ระบำฟามิงโก้ สู้วัวกระทิง และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกมากมาย




โปรแกรมการท่องเที่ยว : ไฮไลท์สเปน 8 วัน TG PROMOTION ท่องแมดริด เมืองโทเลโด มหาวิหารแห่งทอเลโด้ เมืองซาราโกซ่า เมืองบาร์เซโลน่า ถนน La Ramblas  ลา รัมบลาส อนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์โคลัมบัส เมืองซากราดา แฟมิเลีย สนามกีฬาโอลิมปิค เมืองวาเลนเซีย เมืองแมดริด 

พลาซ่าเดอ เอสปาญน่า พระราชวังหลวง PALACIO REAL
อ้างอิงจาก  Thaifly travel with love


วันที่ 1 : กรุงเทพฯ (-/-/-)
22.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรรณภูมิ เคาน์เตอร์ D10-12 เช็คบัตรโดยสารหมู่คณะสายการบินไทย
ใช้ประตูทางเข้า 2-4 เจ้าหน้าที่จากทางบริษัทฯ และหัวหน้าทัวร์ รอให้การต้อนรับเเละอำนวยความสะดวก ในการ
เช็คบัตรโดยสารพร้อมสัมภาระของท่าน
วันที่ 2 : กรุงเทพฯแมดริด (สเปน)ทอเลโด้-ซาราโกซ่า (-/L/D)
00.10 น. ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน TG 948 บินตรงสู่กรุงแมดริด ประเทศสเปน (มีบริการอาหารค่ำและอาหาร
เช้าบนเครื่อง)
07.50 น. การบินไทย นำท่านเดินทางถึงแมดริด โดยสวัสดิภาพหลังผ่านการตรวจรับสัมภาระเรียบร้อย นำท่าน
เดินทางสู่ เมืองโทเลโด Toledo  (เดินทางประมาณ 1 ช.ม.) ซึ่งมีความหมายว่า "เมืองป้อมน้อย" ในอดีตเป็น
เมืองหลวงเก่าของสเปน เมืองโบราณแห่งนี้เคยถูกชาวโรมันเข้ายึดครองเมือง 2,200 ปีมาแล้ว ในเวลาต่อมาได้
ถูกเปลี่ยนมือเข้าปกครองโดยชาวยุโรปและชาวอาหรับเผ่าต่าง ๆ อาทิ ชน ชาติมัวร์ จนถึงปี ค.ศ. 1085 จึงได้ตก
มาอยู่ภายใต้ความครอบครองของกษัตริย์อัลฟองโซที่ 6 ซึ่งได้ทรง สถาปนาให้เป็นนครหลวงแห่งจักรวรรดิของ
พระองค์ตลอดมา จนกระทั่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ทรงย้ายราช สำนักไปประทับอยู่ในนครแมดริด ปัจจุบันอารยธรรม
ของชนต่างชาติครั้งก่อนยังฝังแน่นคละกันอยู่ใน ชีวิตประจำวันของชาวเมือง นำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งทอเล
โด้ มรดกแสดงความเป็นเมืองศาสนาของสเปน สัญลักษณ์ของเมืองที่มีความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค
ด้านข้างเป็นป้อมปราการอัลคาซาร์ขนาดใหญ่ เป็นผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 เดิน
เที่ยวชมเมืองผ่านชมโบสถ์ซานโตโตเม่ ที่เก็บภาพเขียนผลงานของเอลเกรโกบ้านของเอล เกรโก ในสมัยคริสต์
ศตวรรษที่ 16 และย่านชุมชนชาวยิวรวมทั้งโบสถ์ยิวซินาก็อก จากนั้นอิสระให้ท่านหาซื้อของที่ระลึกในย่านกลาง
เมือง เป็นงานฝีมือที่รู้จักกันดี มีชื่อเสียงของนครโตเลโด้ คือดามัสเซเน (Damascene) ภาชนะโลหะลงดำ
แล้วขึ้นลายด้วยใยทองเงินและทองแดง

12.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย ออกเดินทางสู่ เมืองซาราโกซ่า Zaragoza  (เดินทางประมาณ 4 ช.ม.)เมืองใหญ่ศูนย์กลางทางการ
ศึกษาและศาสนาของประเทศ และเป็นเมืองที่อยู่ระหว่างกลางของ 2 เมืองหลักทางการท่องเที่ยว บาร์เซโลน่า และ
แมดริด นำท่านเดินชมบริเวณจัตุรัสกลางเมืองที่สวยงามที่ตั้งแห่งมหาวิหารแม่พระเสาหินที่มีชื่อเสียงของซาราโกซ่า

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าที่พัก โรงแรม HUSA PUERTA DE ZARAGOZA HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 : ซาราโกซ่า-บาร์เซโลน่า (B/L/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมือง บาร์เซโลน่า BARCELONA ( เดินทางประมาณ 4 ช.ม. ) นครใหญ่แห่งคาตา
ลันยา และนับว่าเป็นเมืองสำคัญอันดับที่ 2 ของสเปน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ.ภัตตาคารจีน
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินเล่นบริเวณ ถนน La Ramblas ลา รัมบลาส ที่ปลายสุดของถนนสายนี้เป็นที่ตั้งของ
อนุสาวรีย์คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส CHRISTOPHER  COLUMBUS ผู้ค้นพบทวีปอเมริกาในปี ค.ศ.1492
ที่ชี้ออกไปทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และยังเป็นตลาดดอกไม้และสินค้าพื้นเมือง ซึ่งถนนเส้นนี้ได้ชื่อว่าเป็นถนน
สายที่คึกคักสุดของเมือง ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายซื้อสินค้า หรือเดินเล่นชมบรรยากาศเมือง ให้เวลาท่านเดินเล่น
ช้อปปิ้งอย่างเต็มที่

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าที่พัก โรงแรม FRONTAIR CONGRESS HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 4 : บาร์เซโลน่า-วาเลนเซีย (B/L/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมเมืองบาร์เซโลน่า เมืองที่โดดเด่นไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมอันสวยงามของยุคเรเนอซองส์ โดย
เฉพาะผลงานของยอดสถาปนิกชาวสเปนิช อันโตนิโอ เกาดิ ANTONIO GAUDI บนถนนพาสิโอ การ์เซีย
นำท่านผ่านชมสถานที่สำคัญๆ อาทิศาลาว่าการเมืองบาร์เซโลน่า นำท่านชมโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สัญลักษณ์ของเมือง
ซากราดา แฟมิเลีย LA SAGRADA FAMILIA  ฝีมือการออกแบบของเกาดิเช่นกันซึ่ง มีลักษณะสถา
ปัตยกรรมโดดเด่นแปลกตาไม่เหมือนที่ใดในโลกและยังใช้เวลาก่อสร้างมานานนับร้อยปี ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
ก่อนนำท่านสู่ Parque Quell สวนสาธารณะที่มีผลงานอีกหลายชิ้นของเกาดิ จากนั้นผ่านชมสนามกีฬาโอลิม
ปิค ที่บาร์เซโลน่า เป็นเจ้าภาพเมื่อปี 1992

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านเดินทางเลาะเลียบชายฝั่งกอสตา เดล อะซาร์ หรือ ชายฝั่งดอกส้มบาน ตั้งชื่อตามสวนส้มที่ปลูก
ทั่วที่ราบชายฝั่งและส่งกลิ่นหอม หวานในฤดูใบไม้ผลิ ผ่านเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงแถบเมดิเตอร์เรเนียนสู่
เมืองวาเลนเซีย Valencia หรือบาเลนเซีย (เดินทางประมาณ 4 ช.ม. )

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
นำท่านเข้าที่พัก โรงแรม HOLIDAY INN, VALENCIA หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 : วาเลนเซีย-แมดริด (B/L/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมเมืองวาเลนเซีย เข้าสู่ใจกลางจตุรัสเมืองเก่า อันเป็นที่ตั้งของศาลากลาง , ที่ทำการไปรษณีย์ , ร้าน
ค้า , สนามสู้วัวกระทิง แล้วไปชมวิหารแห่งบาเลนเซีย ติดกันเป็นโบสถ์แม่พระ นักบุญอุปถัมถ์ประจำเมือง นับเป็น
จัตุรัสที่สวยงามดูสงบยิ่งนัก สองข้างทางมีภัตตาคาร, บาร์, ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกสร้างบรรยากาศ
ให้นักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย แล้วไปชมเขตเมืองใหม่ที่ตั้งของท่าเรือเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองเท่าที่เคยมี
มาออกแบบโดยสถาปนิกชาวบาเลนเซีย ประกอบไปด้วย โรงภาพยนตร์ออมนิแมกซ์, โรงศิลปะการแสดง, พิพิธ
ภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุทยานสมุทรภูมิศาสตร์ จากนั้นไปชมชายหาด แหล่งพักผ่อนตากอากาศที่มีชื่อเสียง
แนวชายหาดยาวสุดสายตา

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองแมดริด Madrid (เดินทางประมาณ 4 ช.ม.)นครหลวงแสนสวยของสเปน
ที่ตั้งอยู่เชิงเขาเซียร์ร่า ที่นับว่าเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่บนระดับความสูงถึง 646 เมตร และเป็นเมืองหลวงมาตั้งแต่
ศตวรรษที่ 16 ที่สเปนนั้นยังได้รับอิทธิพลของราชวงศ์ฮัปสเบิร์กของออสเตรีย และบูร์บองก์ของฝรั่งเศส

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ก่อนนำท่านเข้าที่พัก โรงแรม FLORIDA NORTE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 : แมดริด (B/L/D)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านชมตัวเมืองแมดริด MADRID เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งแต่ ค.ศ. 1561 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 2
ได้ทรงย้ายที่ประทับมาจากเมืองโทเลโด นำท่านชมกรุงแมดริด มหานครทันสมัยซึ่งในอดีตเคยเป็นมหาอำนาจ
ที่มีเมืองขึ้นมากที่สุดประเทศหนึ่ง ชมสถานที่สำคัญอันงดงาม และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อาทิเช่น พลาซ่า
เดอ เอสปาญน่า PLAZA DE ESPANA ที่มีรูปหล่อทองแดงของ 2 อัศวิน ดอนกีโฆเต้และซานโจ, น้ำพุ
มหึมาที่ จตุรัสซีเบเลสเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ชมประตูชัยอัลคาล่า และพลาซ่ามายอร์ จตุรัสหลวงศูนย์กลาง
เมืองเก่าที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1619 โดยกษัตริย์ฟิลลิปที่ 3 ด้วยศิลปะผสมออสเตรีย-สเปน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย นำท่านชมพระราชวังหลวง PALACIO REAL ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ดัดแปลงมาจากกรีก
โรมัน โดยด้านนอกตกแต่งในสไตล์แบบอิตาเลี่ยน ส่วนภายในตกแต่งแบบฝรั่งเศส โดยสร้างขึ้นแทนพระราชวัง
อัลคาซาร์ ซึ่งถูกไฟไหม้เมื่อ ค.ศ.1734 ชมพระตำหนักที่ถูกตกแต่งด้วยภาพศิลป์ พรม เครื่องลายครามและเครื่อง
ประดับอันมีค่ามากมาย นับเป็นพระราชวังที่งดงามแห่งหนึ่งของโลก จากนั้น อิสระพักผ่อนเดินเล่นช้อปปิ้งย่านถนน
แกรนด์เวีย ย่านช้อปปิ้งหลักของเมืองแมดริด ที่มีร้านค้ามากมาย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับที่พัก โรงแรม FLORIDA NORTE HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 : แมดริด-กรุงเทพฯ (B/-/-)
เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
จากนั้นให้ท่านเตรียมตัวเดินทางสู่สนามบินมาดริด เพื่อผ่านขั้นตอนการตรวจบัตรโดยสาร ทำคืนภาษีและตรวจ
หนังสือเดินทาง
11.35 น. ออกเดินทางกลับโดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 949 (มีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้าบนเครื่อง)
วันที่ 8 : กรุงเทพฯ (-/-/-)
05.35 น. การบินไทยนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ อย่างสวัสดิภาพ

รายละเอียดสถานที่เที่ยวต่างๆ


               เมืองโตเลโด (Toledo) เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน ห่างจากกรุงมาดริดไปทางทิศใต้ประมาณ 70 กิโลเมตร มีป้อมอัลกาซาร์ (Alcázar) เป็นป้อมโบราณซึ่งตั้งอยู่บนส่วนที่สูงที่สุดของเมืองนี้มีชื่อเสียงในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20 ในฐานะสถาบันวิชาทหารแห่งหนึ่ง เมื่อสงครามกลางเมืองสเปนระเบิดขึ้นในปี ค.ศ. 1936 (พ.ศ. 2479) กองทหารในป้อมนี้ถูกล้อมโดยกองกำลังของฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ นอกจากนั้นแล้ว โตเลโด ยังเป็นเมืองหลักของจังหวัดโตเลโด ของแคว้นคาสตีล-ลามันชา ในปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย เมืองโตเลโด เป็นเมืองที่ค่อนข้างมีทัศนีภาพที่สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัส ไหลผ่านเมืองโตเลโดทำให้สามารถเดินทางไปชมกำแพงเมืองเก่า ที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเทกัสได้อีกด้วย 


มหาวิหารโตเลโด้ (Toledo Cathedral)
              มหาวิหารโตเลโด้ (Toledo Cathedral) เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่ยิ่งใหญ่สวยงามแห่งหนึ่งของโลก ใช้เวลาสร้างยาวนาน เดิมมุสลิมใช้เป็นสุเหร่าต่อมาได้ก่อสร้างรูปทรงแบบกอธิคในปี 1226 และเพิ่มศิลปะแบบมูเดฆาร์ บาร็อค และนีโอคลาสสิค จนเสร็จสมบูรณ์ในอีก 300 ปีถัดมา นับเป็นมรดกแสดงความเป็นเมืองศาสนาของสเปน ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน อีกด้านหนึ่งท่านจะเห็นอัลคาซาร์  เป็นผลงานของสถาปนิกระดับสุดยอดในสมัยศตวรรษที่ 16 ได้รับการบูรณะและเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน
              ส่วนในอีกด้านหนึ่ง ก็จะเห็นป้อม อัลคาซาร์ (Alcázar) ซึ่งจะเป็นป้อมโบราณ นับว่าเมืองโตเลโด้ นับว่าเป็นเมืองศาสนาที่มีแต่วิหารในประเทศสเปนเลยทีเดียว และนอกจากนี้ยังได้แวะชมแวะซื้องานเซรามิคทุกประเภทมาสะสมและเป็นของฝากได้ด้วย


Toledo Cathedral west front

     มหาวิหารโตเลโด้ (Toledo Cathedral)

              เมืองซาราโกซ่า (Zaragoza) มีความโดดเด่นมากในเรื่องของลักษณะภูมิประเทศที่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหุบเขา ทะเลทราย ป่าหนาทึบ หรือแม้แต่ทุ่งหญ้าและภูเขา ซึ่งสามารถผสมผสานกันระหว่างเมืองและธรรมชาติได้อย่างลงตัว 
              สำหรับการท่องเที่ยวในตัวเมืองนั้น สถานที่แรก คือ España พลาซ่า สถานที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางของเมือง ซึ่งประกอบไปด้วย อนุสาวรีย์ และอาคารที่สร้างในนีโอคลาสสิก และส่วนที่ถือว่าเป็นไฮไลท์หลักของเมือง คือ มหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ (Basilica of Our Lady of the Pillar) เป็นมหาวิหารคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นอย่างงดงามที่สร้างในแบบสถาปัตยกรรมสไตล์บาร็อค

      

เมืองซาราโกซ่า (Zaragoza)

มหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ (Basilica of Our Lady of the Pillar) 
               มหาวิหารแม่พระแห่งเสาศักดิ์สิทธิ์ (BASILICA OF OUR LADY OF THE PILLAR) หรือที่รู้จักในนาม ซานตา มาเรีย เดอร์ฟิลลาร์ ตามตำนานสมัยแรกเริ่มของพระศาสนจักรกล่าวไว้ว่า นักบุญยากอบองค์ใหญ่อัครสาวก (St. APOSTLE JAMES THE GREATER) เป็นผู้นิพนธ์พระวรสารที่ซีซาเรากุสต้า (CAESARAUGUSTA เป็นชื่อเดิมของเมืองซาราโกซ่า) งานเผยแพร่ธรรมของท่านไม่ได้เกิดผลมากมายนัก จนกระทั่งท่านเห็นพระนางมารีมาปรากฎเพื่อชักชวนท่านไปยังกรุงเยลูซาเลม ในนิมิตนั้นพระนางปรากฎอยู่บนเสาที่ถูกแบกมาโดยหมู่เทพนิกร และเชื่อกันว่าเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์ต้นเดียวกับที่เป็นที่เคารพนับถือกันในซาราโกซ่า มีรายงานว่าคริสต์ศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ ขอพรจากพระแม่มารีให้หายจากอาการเจ็บป่วย ณ ที่แห่งนี้เป็นจำนวนมาก


Image

มหาวิหารซานตา มาเรีย เดอร์ฟิวลาร์ (Basilica of Our Lady of the Pillar) 




                บาร์เซโลนาเป็นเมืองท่าสำคัญ และเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นอาณานิคมของโรมันมาก่อน เคยถูกยึดครองโดยชาติต่าง ๆ หลายครั้ง รวมทั้งฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2183 บาร์เซโลนาเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวยามราตรีที่รื่นเริงสนุกสนาน บาร์เซโลนามีสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่สำคัญมากมาย อาคารแบบอาร์ตนูโว (Art Nouveau) ที่ดูแปลกประหลาดออกแบบโดยสถาปนิกชาวสเปนชื่ออันตอนี เกาดี (Antonio Gaudi) นับเป็นจุดดึงดูดด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ เมื่อปี พ.ศ. 2535 บาร์เซโลนาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 22 และเมื่อ พ.ศ. 2431 เคยเป็นที่จัดงานแสดงสินค้าโลก (World's Fair) บาร์เซโลนามีสโมสรกีฬาที่สำคัญคือ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและเอร์ราเซเดเอสปาญอล





เมืองบาร์เซโลนา

เมืองบาร์เซโลนา

ปาร์ค กูเอล
               "ปาร์ค กูเอล" หรือ "สวนสาธารณะปาร์ค กูเอล"(Park Guell) คือ สวนสาธารณะที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของสถาปนิกอันโทนี เกาดี อี กูร์เนต (Antoni Gaudi i Cornet) หรือที่รู้จักกันใน นาม เกาดี สถาปนิกชาวคาตาลัน ประเทศสเปน ที่มีส่วนในการเคลื่อนไหวในแบบโมเดิร์นนิสโม (อาร์ตนูโว) และมีชื่อเสียงเรื่องงานออกแบบที่มีความเป็นเอกลักษณ์และเป็นตัวของตัว เองอย่างสูง ตัวอย่างเช่น ซากราดาฟามีเลีย 
               ปาร์ค กูเอล คือ สวนสาธารณะที่เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเหมือนสวนสาธารณะ เนื่องจากภายในสวนนั้นถูกตกแต่งไปด้วยงานปฎิมากรรม สถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่ประดับตกแต่งลวดลายด้วย เครื่องกระเบื้องโมเสกนับล้านชิ้น ขอแนะนำว่าต้องไม่พลาดไปชม "มังกรโมเสก" (Mosaic dragon) ที่ไต่คลานบนบันไดน้ำพุ อันเป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 


มังกรโมเสก (Mosaic dragon)


                นอกจากนี้แล้ว ปาร์ค กูเอล คือ สวนสาธารณะที่สร้างขึ้นให้ผสมผสานไปกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน โดยเฉพาะตึกอาคารรูปทรงแปลกๆที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว และมีอิทธิพลต่อ เมืองบาร์เซโลนามากว่า100 ปี โดยสวนตั้งอยู่บนเนินเขาเอล คาร์เมล (El Carmel) อยู่ใกล้ๆกับเมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) 

                ปัจจุบันปาร์ค กูเอล เป็นส่วนหนึ่งของผลงานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 2005 ที่ โดยสวนสาธารณะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1900 - 1914 โดยในช่วงแรกๆนั้นสวนยังคงเป็นส่วนบุคคล แต่ต่อมาในปี 1922 จึงกลายมาเป็นที่สาธารณะ และได้กลายมาเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีวคามสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองบาร์เซโลนา

        


สวนสาธารณะปาร์คกูเอล(Park Guell)

Las Ramblas ลาส รัมบลาส

                ถนนสาย รัมบลาส เป็นถนนสายที่มีชื่อเสียงที่สุดในสเปน เป็นทางที่มีต้นไม้รายล้อมอยู่ตลอดทางระยะประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเต็มไปด้วยโรงแรม ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และแผงขายหนังสือ ถนนสายนี้ ทอดยาวมาจากชายฝั่งทะเลโน่น ยาวไปจนถึงพลาซ่า คากาลุนยา คำว่า รัมบลาส มาจากภาษาอารบิกว่า ‘ramla’ หรือ รัมลา ถนนสายนี้ เป็นที่ระลึกถึงว่า ในสมัยก่อน ที่ตรงนี้ เคยเป็นห้วย มีสายน้ำไหลผ่านขนานไปกับกำแพงกลางเมือง และทอดลงสู่ทะเล เพื่อระบายน้ำฝนลงสู่ทะเล ถนนรัมบลาส แบ่งเป็นส่วน ๆ ส่วนแรก จะเป็นแหล่งชุมนุมของศิลปินข้างถนนที่วาดรูปทั่วไป และรูปการ์ตูนล้อเลียน ตรงนี้ เรียกว่า รัมบลาส เด ซานตา โมนิกา ถัดมา เป็นรัมบลาส เดล เซนเตร Rambla ต่อด้วย รัมบลาส เด เลส เฟลอร ขายดอกไม้ล้วน ๆ ถัดไปอีก เป็นรัมบลาส เดล โอเซล ที่เต็มไปด้วยแผงขายนก และสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย แบบตลาดนัดจตุจักรบ้านเรา สุดท้ายคือ รัมบลาส เด กานาเลเตส


 ถนนสาย รัมบลาส

  


La Sagrada Familia  โบสถ์ซากราดา ฟามิเลีย
                La Sagrada Familia โบสถ์ซากราดา ฟามิเลีย ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนา เป็นโบสถ์ที่สร้างไม่เสร็จนี้เป็นสัญลักษณ์ของบาร์เซโลนา แม้จะเป็นงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ อันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ แต่ก็ยังมีการโต้เถียงกันอยู่ถึงการออกแบบที่เป็นโมเดิร์นโดยเฉพาะหอคอยที่มีเครนค้ำเด่นเห็นชัด ซึ่งทุกวันนี้มีคนแห่กันไปดูโบสถ์นี้กันล้นหลาม  ลา ซากราดา ฟามิเลีย มีความสูง 170 เมตร ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงานชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็นเ พราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ยังคงรายละเอียดละเมียดที่ละไม ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายใน แสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมกับเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ก่อนจะสิ้นลมใต้เงาของยอดโบสถ์
               โบสถ์นี้มีชื่อเต็มๆว่า Temple Expiatori de la Sagrada Família นั้นเป็นสถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เชโลนาประเทศสเปนออกแบบโดย อันโตนิ เกาดิ (Antoni Gaugi) สถาปนิกชาวคาลาตันเป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็น อาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มหาวิหารซากราด้าฟามิเลียร์ (Sagrada Familia หรือ Sacred Family) ผลงานการออกแบบชิ้สุดท้ายและก่อสร้างอันยาวนานที่สุดของเกาดี้ เกาดี้ได้อุทิศ 16 ปีของบั้นปลายชีวิตในการฟูกฟักสร้างสรรค์มหาวิหารแห่งนี้ สร้างในปีพ.ศ. 2432มีกำหนดก่อสร้างหอคอยทั้งหมด 18 หอคอยนับตั้งแต่ปีเริ่มสร้างจนถึงปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้วแค่ 8 หอคอย งานคืบหน้าไปประมาณ 50เปอร์เซนต์ สถาปนิกผู้ออกแบบถูกรถรางทับเสียชีวิตไปเมื่อ พ.ศ2469 โดยศพของเขาได้ถูกฝังไว้ในซากราดาฟามิเลียด้วย ด้วยรูปแบบศิลปะแบบนีโอ โกธิค ด้วยแนวความคิดการคืนกลับสู่ธรรมชาติ ตัวอาคารนำเอารูปทรงและพื้นผิวต่างๆ จากในธรรมชาติมาใช้ วิหารใหญ่โต วิจิตร อลังการ โดยความสูงถึง 150 เมตร ตัวอาคารบรรจงประดับด้วยโมเสคจากเวเนเชี่ยน ประดับด้วยปฏิมากรรมแกะสลักจากหินหลายพันชิ้นจากศิลปินสเปน ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ก็ยังดำเนินการก่อสร้างคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปีพ.ศ.2569 ลักษณะเด่นของอาคารแห่งนี้จะสังเกตได้ถึงสีที่ตัดกันของหินด้านหน้าและ ด้านหลังอย่างชัดเจนและพบรูปแบบการก่อสร้างที่แตกต่างกัน ของยุคเก่าและสร้างต่อขึ้นไหม่ในปัจจุบัน
               รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็น อาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความเป็นแฟนตาซีมาก มีกำหนดก่อสร้างหอคอยทั้งหมด 18 หอคอยนับตั้งแต่ปีเริ่มสร้างจนถึงปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้วแค่ 8 หอคอย ตัวอาคารบรรจงประดับด้วยโมเสคจากเวเนเชี่ยน ประดับด้วยปฏิมากรรมแกะสลักจากหินหลายพันชิ้นจากศิลปินสเปน

La Sagrada Familia  โบสถ์ซากราดา ฟามิเลีย



              เมืองบาเลนเซียหากเอ่ยถึงเมืองแห่งศิลปะและพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ของประเทศสเปน แน่นอนว่าเราต้องไม่พลาดนึกถึง "เมืองบาเลนเซีย" หรือ "เมืองวาเลนเซีย" (Valencia) เป็นเมืองหลวงของแคว้นบาเลนเซียและจังหวัดบาเลนเซีย เป็นแคว้นปกครองตนเองที่ตั้งอยู่ทางตอนกลาง-ตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน 
             เมืองบาเลนเซีย ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำตูเรีย (Turia River) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงคือ สโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย (Valencia Club de Futbol) รู้จักกันในชื่อ บาเลนเซีย หรือ ไอ้ค้างคาว เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของประเทศสเปนที่มีชื่อเสียง
             ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 เมืองบาเลนเซียได้กลายเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของมันคือหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในสเปน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสเปน ในอดีตเมืองบาเลนเซียเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในสเปน ที่ถูกก่อตั้งขึ้นในสมัยโรมันภายใต้ชื่อ "Valentia Edetanorum" 

เมืองบาเลนเซีย
               
มหาวิหารวาเลนเซีย 
               ถูกสร้างขึ้นในสไตล์ผสมผสานอาทิ กอธิค , นีโอคลาสสิก , บาร็อค และอื่นๆ ด้านข้างจะเป็น เอล มิกูเลต (El Miguelete) เป็นหอระฆังที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1381 และสิ้นสุดในปี 1429 ในความสูงประมาณ 51 เมตร ติดกันเป็นโบสถ์แม่พระ นักบุญอุปถัมถ์ประจำเมือง ตลอดสองข้างทางมีภัตตาคาร, บาร์, ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย 


                 มหาวิหารวาเลนเซีย



               กรุงมาดริด (Madrid) เป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ด้วยเหตุนี้กรุงมาดริดจึงเป็นเมืองหลวงที่มากไปด้วยเสน่ห์สีสันอีกแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีสถานที่น่าท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลายแห่งด้วยกัน เช่น บริเวณจุดศูนย์กลางของกรุงมาดริด มีชื่อว่า "Puerta del sol" เป็นจุดเริ่มต้นของถนนทุกสาย หรือหมายความว่ามี กม. 0 อยู่ตรงนี้ ซึ่งตั้งอยู่หน้าตึกที่ทำการไปรษณีย์ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินหรือที "El puerta del sol" อันเป็นที่เดียวกันกับย่านที่ขายสินค้ามากมาย เป็นสถานที่ที่ไม่เคยหลับไหล มีผู้คนมากมายที่วนเวียนเดินเล่นกันอยู่ที่นี่ สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางของการจัดงานสำคัญๆประจำปีต่างๆอย่างงานคริสต์มาสและงานปีใหม่ ของชาวสเปนและชาวเมืองมาดริด ตึก "Torre de Madrid" ตึกนี้ สร้างในปี ค.ศ. 1957 ชาวสเปนเขาตั้งฉายาให้ตึกนี้ว่า ตึกยีราฟ เพราะมีความสูงมาก และยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ถ่ายรูปยอดนิยม อย่างคนขี่ม้า คือ ดอน ฆิโอเต และคนขี่ลา คือ ซานโช ปานชา ตัวละครที่ดังมากในนวนิยาย เป็นเรื่องราวการผจญภัย ของคู่ผจญภัย มีวีรกรรมทั้งเรื่องการต่อสู้ ความรักของทั้งสองอัศวิน นอกจากนี้ยังมีที่อื่นๆอีกมากมาย เช่น ห้างEl corte ingress ,Palacio Real พระราชวังที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของสเปน,Plaza de Cibeles (ที่ทำการไปรษณีย์) เป็นต้น


พระราชวังหลวงในมาดริด
               พระราชวังหลวง (Palacio Real) สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ของราชวงศ์ พระเจ้า เฟลิปเปที่ 5 (Felipe V) ทรงเป็นผู้ริเริ่มสร้างขึ้นประมาณ 2,800 ห้องโดยศิลปินชาวอิตาเลียน เป็นผู้ออกแบบภายใน ตามมาด้วย Alcazar ซึ่งสร้างห้องต่างๆ เพิ่มเติมอีกประมาณ 50 ห้องในปี 1734 และเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมได้ ห้องแรกที่นำเสนอคือ ห้อง Farmacia Real ห้องนี้เต็มไปด้วยขวดยามากมายอย่างนับไม่ถ้วน และห้อง Armeria Real ห้องนี้เป็นคอลเลกชันเกี่ยวกับอาวุธของราชวงศ์ฮับบวร์ก ทั้งดาบ ชุดเกราะ ในส่วนของบันไดที่นำไปสู่ห้องพักของราชวงศ์ รวมไปถึงจุดที่สำคัญที่สุดคือห้องของพระมหากษัตริย์ซึ่งมีผนังเป็นสีแดงเข้มและเพดานแบบ Tiepolo ทางทิศใต้ของราชวังเป็นพื้นที่ของพวกแขกมัวร์ (Moorish) ซึ่งเป็นย่านที่เก่าแก่มากที่สุดของเมืองมาดริด ภายในบริเวณมีกำแพงเมืองก่อไว้เป็นระยะสั้นๆ ถูกสร้างขึ้นโดยผู้นำมุสสลิมในสมัยต้นยุคกลาง ประมาณศตวรรษที่ 9 ช่วงฤดูร้อนสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับจัดแสดงละครและดนตรีกลางแจ้ง

พระราชวังหลวง (Palacio Real)


อาหารท้องถิ่น: เนื่องจากสเปนมีพื้นที่ส่วนใหญ่ติดทะเล อาหารทะเลจึงเป็นที่นิยมกันมากของชาวสเปน อาหารทะเลที่ขึ้นชื่อก็มี อาร์โรซเนโกร (Arroz Negro) หรือข้าวผัดอาหารทะเล ปรุงด้วยหมึกดำจากปลาหมึก นอกจากนี้ยังมี ข้าวผัดสเปน (Paella) เป็นอาหารประจำชาติของประเทศเขาค่ะ สำหรับอาหารว่างที่มีชื่อเสียงของสเปน ได้แก่ Tapas มักจะสั่งมาแกล้มกับเบียร์หรือเครื่องดื่มกันค่ะ นักท่องเที่ยว ควรไปหาลิ้มลองอาหารเลื่องชื่อของเขาจากร้านอาหารทั่วไป หรือ ภัตตาคาร ภายในที่พักในสเปนของท่านกันนะคะ 

paella de mariscos ข้าวผัดสเปน

การไปเลือกซื้อของที่ระลึก: ในย่านกลางเมือง ซึ่งมักเป็นงานฝีมือที่รู้จักกันดี และมีชื่อเสียงของนครโตเลโด้ นั่นก็คือ ดาบและมีดเหล็กกล้าแบบเคลือบดำฝังเงิน ทอง และลวดทองแดง นอกจากนี้ยังมีงานเซรามิคทุกประเภท พัดสเปน ตุ๊กตาพื้นเมือง กระเป๋าและรองเท้าหนัง ไส้กรอกสเปนชนิดต่าง ๆ ขนมถั่วตัดสเปน เนยแข็ง ฯลฯ ให้ท่านได้จับจ่ายกันอีกด้วยค่ะ



อ้างอิงจาก



วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ดินแดนแห่ง"หลังคาทวีปยุโรป"


สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศสวิตเซอร์แลนด์


          

"  เราไปทำความรู้จักกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์กันก่อนสักนิดนะคะ"

          สวิสเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า “หลังคาแห่งทวีปยุโรป” (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมีภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม สำหรับเลี้ยงสัตว์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีพื้นที่ประมาณ 41,287 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทยประมาณ 12 เท่าตัว จัดว่ามีภูเขามากที่สุดในยุโรป และเป็นประเทศที่มีทะเลสาบอยู่มากมาย ซึ่งเกิดจากแอ่งที่ลุ่มระหว่างหุบเขานั่นเอง ลักษณะของภูมิประเทศจึงไม่ค่อยมีพื้นที่ราบ สวิสเซอร์แลนด์มีอาณาเขตติดกับประเทศฝรั่งเศส เยอรมัน ออสเตรีย อิตาลี ทำให้ภาษาที่ใช้กันมีทั้ง 4 ภาษา คนสวิสฯส่วนใหญ่มีนิสัยรักสงบ รักความเป็นธรรม เคารพสิทธิของผู้อื่น อ่อนน้อม ถ่อมตัว ขยันขันแข็ง มัธยัสถ์ และมีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆเมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์คือกรุงเบอร์น มีเมืองใหญ่ๆที่สำคัญอีก 5 เมืองคือ ซูริค บาร์เซิล เจนีวา โลซาน และเมืองที่น่าสนใจอีกเมืองคือลูเซิร์น เป็นเมืองที่อยู่เกือบใจกลางประเทศ โดยตั้งอยู่ฝั่งค้านตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบลูเซิร์น ที่มีชื่อเรียกว่า ทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้ (Lake of the four forest cantons) ตรงบริเวณปากแม่น้ำรอยซ์ (Reuss river) 

         สถานที่ ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาและเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจแห่งหนึ่งก็คือ "ทะเลสาบลูเซิร์น" ซึ่งเป็นทะเลสาบสวยงามตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา มองไปทางไหนก็จะเห็นภูเขาโอบล้อม ทัศนียภาพบริเวณรอบๆทะเลสาบลูเซิร์น เป็นอาคารบ้านเรือนแบบสมัยใหม่ มีถนนเลียบไปตามเนินเขาตลอดระยะทาง ริมทะเลสาบจัดเป็นสวนสาธารณะ มีดอกไม้นานาพรรณออกดอกบานสะพรั่ง เช่นกุหลาบและทิวลิป เป็นต้น อากาศริมทะเลสาบเย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจอย่างยิ่ง สถานที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมกันคือ สะพานวิหาร (Chapel bridge) ซึ่งข้ามแม่น้ำรอยซ์ เป็นสะพานไม้ที่เก่ากี่สุดในโลก มีอายุหลายร้อยปี เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลยทีเดียว สะพานวิหารนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ ที่จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมีภาพเขียนเป็นเรื่องราวประวัติความเป็นมาของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันสะพานไม้นี้ถูกไฟไหม้เสียหายไปมาก ต้องบูรณะสร้างขึ้นใหม่เกือบหมด ภาพที่เห็น ถ่ายมาเมื่อหลายปีที่แล้วก่อนสะพานจะถูกไฟไหม้ จึงเป็นภาพสะพานเก่าตัวจริง นอกจากนี้บนสะพานวิหารยังมีร้านที่ระลึกขายของ มีสีสันสวยงามปลูกสร้างเป็นห้องๆลดหลั่นกันไปตามลาดสะพาน และบริเวณใกล้ๆกันนั้น ก็ยังมีหงส์จำนวนมากอาศัยอยู่สร้างชีวิตชีวาให้กับเมืองได้อีกด้วย

        "สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสวิตเซอร์แลนด์"

 เมือง เบิร์น Bern 
            เบิร์น  Bern เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองโบราณเก่าแก่และโรแมนติก การเดินเที่ยวชม ความงดงามของ สถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่า เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนนครแห่งนี้ Bern สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้วโดยมีแม่น้ำ Aare ล้อมรอบตัวเมือง แม่น้ำแห่งนี้เปรียบเหมือนปราการธรรมชาติซึ่ง ป้องกันเมืองไว้ทั้ง สามด้านสำหรับด้านที่สี่ชาว เมืองได้สร้างกำแพงและสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้ และโดยการรักษาผังเมืองให้มีสภาพดังเดิมตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา Bernจึงได้รับการ ประกาศ ให้เป็นมรดก โลกของ UNESCO ซึ่งเป็นเมืองเดียวในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ การเดินชมเมือง ควรเริ่มจาก Rose Garden เพียง 5 นาทีก็จะพบกับบ่อเลี้ยง หมีของเมือง ( หมี เป็น สัญลักษณ์ของ Bern )จากนั้นเมื่อเดินข้ามสะพานมา ก็จะเริ่มเข้าเขตเมืองเก่า ที่มีหลังคาคลุมตลอดทางยาวถึง 6 กิโลเมตร ภายใต้หลังคานี้มีร้านค้ามากมายหลายร้อยแห่ง รวมทั้งภัตตาคารที่มีมากกว่า 150 แห่งในเขตเมืองเก่า และด้วยการดูแลรักษาสถาปัตยกรรมของเมืองอย่างดี Bern ยังเปรียบเหมือนเหมืองทองของนักถ่ายภาพอีกด้วย นอกจากนั้น Bern ยังมีโบสถ์ที่สูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้ง ตลาดนัดชาวนา ซึ่งจัดขึ้น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ที่หน้ารัฐสภาของเมืองแห่งนี้



เมืองหลวงสวิตเซอร์แลนด์ เบิร์น




หอนาฬิกา Zytgloggeturm หรือ Zeitglockenturm หอนาฬิกานี้ใข้เป็นประตูเมืองแห่งแรก ของกรุงเบิร์น ในช่วงปี ค.ศ. 1191 ถึง 1256และเมื่อมีการสร้าง Prison Tower ขึ้น จึงได้เปลี่ยน ไปใข้ Prison Tower เป็นประตูเมืองแทน ในสมัยก่อนนั้นตึกนี้ไม่ได้เป็นนาฬิกาอย่างทุกวันนี้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1530 จึงได้มีการติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์




Munster St. Vinzenz 
โบสถ์นี้ตั้งอยู่ระหว่างถนน Munstergasse และถนน Herrengasse ซึ่งจากถนน
Krammgasse ก็ให้เดินเลี้ยวขวาไปก็จะเจอโบสถ์นี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่า โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ประจำเมืองของกรุงเบิร์น ซึ่งถือว่าเป็นโบสถ ์ ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดของ สวิสเซอร์แลนด ์ด้วย โบสถ์มีลักษณะเป็นศิลปะ แบบโกธิคยุคกลาง ได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ซึ่งการดำเนินการสร้าง โบสถ์แห่งนี้กินเวลายามนามไปจนถึงปี ค.ศ. 1573 เวลาประมาณ 150 ปีที่ใช้ไปนั้น สร้างได้เพียงแค่ตัวโบสถ์ ซึ่งมีความสูงประมาณ 64 เมตรเท่านั้น ต่อมาใน ปี 1889-1893 ก็ได้มีการต่อเติมสร้างส่วนที่เป็นหอ คอยขึ้นจามีความสูงทั้งสิ้น 100 เมตร ถ้าใครมีเวลาหรือมีแรงมากพอทีจะขึ้นบันไดวนเพียงแค่ 285 ขั้น ก็สามารถเดินขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชม ทัศนีภาพของกรุงเบิร์นได้ ซึ่งเค้าว่ากันว่าสำหรับวัน ที่ฟ้าใส มากๆ จะสามารถ มองเห็นยอดเขา Eiger, Mönch และ Jungfrau จากหอคอยของโบสถ์นี้เลยทีเดียว




อินเตอร์ลาเก้น Interlaken 
"สวยเหมือนเมืองในฝัน" คือคำจำกัดความของ Interlaken ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz สถานที่ตากอากาศชั้นนำส่วนใหญ่ในถิ่นที่เรียกกันว่า Bernese Oberland ตั้งอยู่ตามเชิงเขา Eiger, Monch และ Jungfrau ทิวทัศน์แถบนี้บริสุทธิ์และสวยงามเกินคำบรรยาย จึงเป็นสถานตากอากาศที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกชื่นชอบมากที่สุด 



Jungfraujoch หลังคาแห่งยุโรป
หลังคาแห่งยุโรป ล่าสุดได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของUnescoเมื่อเดือนธันวาคม 2544 สถานีรถไฟสูงที่สุดในยุโรป ที่ไม่สามารถลืมไปได้ ในการทัศนาจรภูเขา ซึ่งมีความ สูงถึง 3454เมตร พบกับสิ่งสวยงามที่นี่คือ วังน้ำแข็ง และทัศนียภาพ ที่งดงามประกอบ ไปด้วย Sphinxหอคอยชมทัศนียภาพ ที่อยู่เหนือ ธารน้ำแข็ง Aletsch ( ยาวที่สุดในเทือกเขา Alps ) และยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกันนี้ยังจะเดินเล่นบนหิมะ นั่งกระดานเลื่อนโดยมีสุนัข Huskyลากสนามเล่นสกี สโนว์บอร์ท สำหรับฤดูร้อนหรือ ท่านที่ชอบการท้าทาย ก็มีการผจญภัยอีกหลายอย่าง รับรอง 100% เช่น หิมะ และน้ำแข็ง






เมืองLuzern
  ลูเซิร์นเป็นเมืองหนึ่งในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีประชากร 57,890 คน ตั้งอยู่แนวชายฝั่งทะเลสาบ ลูเซิร์น นเทือกเขาปิลาตุสและริจของเทือกเขาแอลป์ฝั่งสวิส สิ่งที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองและ มีชื่อเสียงมากคือชาปเพลบริดจ์(Chapel Bridge) เป็นสะพานไม้ที่สร้างสมัยศตวรรษที่14 ราวปี1290 ลูเซิร์นมีขนาดประชากรที่สมส่วนราว 3000 คน ทีปกครองโดยกษัตริย์รูดอล์ฟที่1 ลูเซิร์นเป็น เมืองที่นาฬิกาโรเล็กซ์ขายดีที่สุด รองลงมาคือมีดพก (Swiss Army Knives) Water Tower และ Chapel Bridge เป็นสัญลักษณ์ของเมือง Lucerne ที่นักท่องเที่ยวจำได้ทันทีที่เห็น สร้างมานานกว่า 650 ปีแล้ว ตัวเมืองเก่าเริ่มจากฝั่งแม่น้ำ Reussมีสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจ หลายแห่ง เมือง Luzern จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเกือบตลอดปี





ภูเขา Titlis และ Pilatu
ภูเขา Titlis และ Pilatu และ ภูเขา Stanserhorn ภูเขา ภูเขา Titlis และ Pilatusเป็นภูเขาที่มีความชันที่ สุดในโลก มีภัตตาคารอยู่บนยอดเขาที่สามารถ ชมทิวทัศน์โดยรอบได้ ใช้สวิสพาสส์ล่องเรือชมทิวทัศน์ไปในทะเลสาบ Luzern จนถึงเมือง Vitznau สามารถต่อรถไฟขึ้น ไปเที่ยวภูเขา Rigi(ความสูง 1798เมตรเหนือระดับน้ำทะเล)ภูเขา Stanserhornเดินทางโดยรถรอกกว้านสมัยเก่าและรถกระเช้ารุ่นใหม่ล่าสุด (Aerial Cable Car) เพื่อชมทิวทัศน์และรับประทานอาหาร





หอคอยแปดเหลี่ยม เมืองลูเซิร์น
หอคอยแปดเหลี่ยม เป็นหอคอยรูปทรงแปดเหลี่ยม ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเก่าแก่ของเมืองลูเซิร์น ด้านบนสามารถมองเห็น วิวเมือง ลูเซิร์นได้อย่าง สวยงาม ด้านล่างมีทะเลสาบขนาดเล็กบริเวณรอบๆเป็นวิวที่สวยงาม แห่งหนึ่งของเมืองลูเซิร์น





อนุสาวรีย์สิงโตร้องไห้ที่เมืองลูเซิร์น
อนุสาวรีย์ ภูเขาสิงโต(Mountain Lion) เป็นอนุสาวรีย์ หินสลักรูปสิงโตแสนเศร้า สร้างไว้เพื่อร่วมรำลึกถึง และร่วมไว้อาลัยให้กับทหารชาวสวิต ที่เสียชีวิตระหว่างการร่วมรบในสงครามปฏิวัติที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 1792






สะพานไม้เมืองลูเซิร์น 
สะพานโบราณ สะพานแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Luzern สร้างมานานกว่า 650 ปี เป็นสะพานไม้แบบที่มีหลังคาหน้าจั่ว ด้านในสะพานมีรูปภาพ เรื่องราวของ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไว้ให้ดู มากมาย ในช่วงปี 1993สะพานไม้แห่งนี้ได้ถูกไฟไหม้ไป และปัจจุบันได้มีการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว



อ้างอิง